วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว

พลังกาย กับพลังจิต พลังไหนมีอำนาจมากกว่ากัน?
คนโบราณกล่าวว่า "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว"
หรืออีกนัยหนึ่งคือ "ถ้าไม่มีบ่าว ก็ไม่มีนาย"

ผมเป็นคนหายใจตื้น และสั้น จิตจึงว้าวุ่น ตามการพลั้งสติ
แต่ในยามออกกำลังกาย ผมจะหายใจลึก และยาว
ผลทำให้เกิดอารมณ์สงบ จิตเบิกบาน กระปรี้กระเปร่า

ผมจึงชื่นชอบการออกกำลังกาย เพราะทำให้มีกายที่พร้อม และจิตที่แจ่มใส

ผมมีความปรารถนาจะเป็นคนหนุ่ม สุขภาพดี ที่มีอายุยืนยาวได้ถึง 100 ปี
ผมแต่งกาย เมื่ออายุ 24 ผมเคยให้สัญญากับคู่ชีวิตของผมไว้ว่า...
จะอยู่เป็นเพื่อเธอ ไปตราบสิ้นอายุขัย
ถ้าผมเป็นอะไรขึ้นมาก่อน แล้วผมจะรักษาสัญญาไว้ได้อย่างไร

ผมมีลูกคนแรก เมื่ออายุ 26 การมีลูกทำให้ผมรู้จักการตั้งเป้าหมาย
การตั้งเป้าหมายชีวิต ทำให้ชีวิตผมมีคุณค่าขึ้นมาก
ผมเรียนรู้ที่จะรับมือกับโลก และการจัดการกับชีวิตของตัวเอง

ผมไม่เคยเกี่ยงงานหนัก พร้อมเอาตัวเข้าสู้ เอาใจเข้าแลกในทุกงานที่ได้รับ
เพราะผมรู้ดีว่า นี่คือโอกาสการฝึกฝนพหุปัญญาที่คุ้มค่าที่สุด
เมื่องานมากรัดตัว ถ้าผมไม่แสวงประโยชน์ ในการฝึกฝนตนเองด้วยงาน
ผมคงหาโอกาสที่ดีแบบนี้ ไม่ได้ที่ไหนอีก

ผมเชื่อว่า บนวิถีการเดินทางในชีวิตของผม
ชีวิตผมจะเป็นดั่งส้มตำรสจัดจ้านที่สุด ในวัย 40
เป็นดั่งน้ำซุป รสกลมกล่อมที่สุด ในวัย 60
และเป็นดั่งไวน์ชาโต ลาตูร์ ที่ผ่านการหมักบ่มยาวนาน ในวัย 80

การบรรลุเป้าหมายบางอย่าง ทำให้ผมรับรู้ถึงคุณค่าในตัว
ผมจึงปรารถนาจะสร้างชีวิตของตน ให้มีคุณค่า
และใช้คุณค่านั้นสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม
การด่วนจากไปในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต คงเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย

ความปรารถนา ในการมีอายุยืนยาว และสุขภาพที่ดี อยู่อย่างมีคุณค่า
เป็นต้นเหตุให้ผมเพียรที่จะ รักษาพลังกาย
เพื่อที่จะสามารถทำงานใหญ่ได้ เมื่อโอกาสเข้ามาถึง

เพราะกายที่สมบูรณ์ เป็นที่มั่นของสมองที่ปลอดโปร่ง
และสมองที่ปลอดโปร่ง เป็นที่ตั้งของจิตที่มีความเกษม

จิต เป็นสิ่งที่เกิดดับอยู่ตลอดเวลา
สมอง แปรปรวนได้ตามอารมณ์
กาย เป็นสิ่งหยาบซึ่งควบคุมได้ง่ายกว่า

ผมจึงเลือก ที่จะรักษาพลังกาย ให้เข้มแข็ง

ขอท่านจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ สติปัญญาที่เฉียบแหลม และพลังกายที่สมบูรณ์